วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ต่อ)


ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม (Humanism)
                http://dit.dru.ac.th/home/023/human/08.htmได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า กลุ่มมนุษย์นิยม ได้แก่ คาร์ล โรเจอร์ (Calr R. Rogers, 1902-1987) และ แมสโลว์ (Abraham H. Maslow, 1908-1970) มี ความเชื่อเบื้องต้นของกลุ่มจิตวิทยามนุษย์นิยม มีดังนี้
1 มนุษย์มีจิตใจ ต้องการความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ ทั้งยังมีขีดความสามารถเฉพาะตัว ไม่ใช่จะกำหนดให้เป็นอะไรก็ได้ตามใจชอบของคนอื่น ซึ่งตรงข้ามกับแนวคิดของกลุ่มพฤติกรรมที่เห็นว่าเราสามารถกำหนดพฤติกรรมของ มนุษย์ด้วยกันได้
2 มนุษย์แต่ละคนเป็นผู้ซึ่งพยายามที่จะรู้จัก เข้าใจตนเอง และต้องการบรรลุศักยภาพสูงสุดของตน (self acturalization) จึงไม่ยากนักที่จะเสริมสร้างให้บุคคลคิดวิเคราะห์ เข้าใจตน และนำจุดดีมาใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาเอง
3 ข้อบังคับและระเบียบวินัยไม่สู้จำเป็นนักสำหรับผู้ พัฒนาแล้ว ทุกคนต่างมุ่งสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ให้แก่ตนถ้าเขาได้รับการยอมรับ ดังนั้น จุดเริ่มต้นของการพัฒนาตนจึงอยู่ที่การยอมรับตนเองและผู้อื่นให้ได้ก่อน
4 บุคคลที่พร้อมต่อการปรับปรุงตนเองควรจะได้มีสิทธิ เลือกการกระทำเลือกประสบการณ์ กำหนดความต้องการ และตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตนเอง (self mastery) เป็นการ ออกแบบชีวิต ที่เหมาะสมตามทิศทางของเขา
5 วิธีการแสวงหาความรู้หรือข้อเท็จจริง สำคัญกว่าตัวความรู้หรือตัวข้อเท็จจริง เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตัวของความรู้หรือตัวข้อเท็จจริงจะไม่ใช่สิ่งตายตัว ดังนั้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่ออนาคตของบุคคลมากที่สุดก็คือกรรมวิธีในการ เสาะแสวงหาความรู้ ไม่ใช่เน้นที่ตัวความรู้เพียงอย่างเดียว
                http://www.isu.ob.tc/5.3.html ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยมเป็นการให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนเป็นสำคัญทั้งในด้านสติปัญญา ความคิด ความรู้สึกและอารมณ์ความเชื่อเบื้องต้นของนักจิตวิทยากลุ่มนี้คือ
1. เชื่อว่ามนุษย์ ก็คือ สัตว์โลกประเภทหนึ่ง มีจิตใจ มีความต้องการความรัก ความอบอุ่น
ความเข้าใจและมีความสามารถเฉพาะตัว มีขีดจำกัด ไม่สามารถจะ เสกสรรปั้นแต่งให้เป็นอะไรก็ได้ตามใจชอบซึ่งเป็นแนวคิดที่แตกต่างจากกลุ่ม พฤติกรรมนิยมซึ่งเห็นว่าสามารถกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ด้วยกันได้
2. เชื่อว่ามนุษย์เราทุกคนต่างก็พยายามจะรู้จักและเข้าใจตนเอง (Self actualizatuon) และยอมรับในสมรรถวิสัย ของตนเอง   
                http://rattanawutdpu.blogspot.com/2011/06/humanism.html ได้ รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า นักทฤษฎีกลุ่มนีเชื่อว่ามนุษย์มีอิสระที่จะเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ดีจาก การสนับสนุน หรือส่งเสริมของครูผู้สอน ผู้นำความคิดที่สำคัญได้แก่ Rogers และ Maslow
      Rogers ได้พัฒนาแนวคิดแห่งการเรียนรู้ตามทฤษฎีมนุษย์นิยมว่าจะเรียนได้ดีในบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมที่สบาย (Comfortable) ไม่มีการคุกคาม (Threatened) จากองค์ประกอบภายนอก ส่วนครูทำหน้าที่อำนวยความสะดวก (Facilitator)
      หลักกการหรือความเชื่อของทฤษฎี คือ
1. มนุษย์มีธรรมชาติแห่งความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
2. มนุษย์มีสิทธิในการต่อต้านหรือไม่พอใจในผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งต่างๆ แม้สิ่งนั้นจะได้รับการยอมรับว่าจริง
3. การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการที่มนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด หรือมโนทัศน์ของตนเอง

สรุป
มนุษย์ มีจิตใจ ต้องการความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ ในด้านสติปัญญา ความคิด ความรู้สึกและอารมณ์ ดังนั้น การสนับสนุน หรือส่งเสริมของครูผู้สอนจึงมีความสำคัญมากในการเรียนการสอน

เอกสารอ้างอิง
http://dit.dru.ac.th/home/023/human/08.htm เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555.
http://www.isu.ob.tc/5.3.html เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555.
http://rattanawutdpu.blogspot.com/2011/06/humanism.html เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555.

ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสานของกาเย(Gagne’s eclecticism)

                  ทิศนา แขมมณี ผู้รวบรวม Gagne and Briggs(1974:121-136) ทฤษฎีการเรียนรู้ของกานเย กล่าวไว้ว่า การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีทั้งหมด 8 ประเภทดังนี้                
การเรียนรู้สัญญาณ (signal-learning) เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ อยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ ผู้เรียนไม่สามารถบังคับพฤติกรรมไม่ให้เกิดขึ้นได้
การเรียนรู้สิ่งเร้า การตอบสนอง (stimulus-response learning) เป็นการเรียนรู้ต่อเนื่องจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง แตกต่างจากการเรียนรู้สัญญาณเพราะผู้เรียนสามารถควบคุมพฤติกรรมตนเองได้                                                                                                                                                                      3 การเรียนรู้การเชื่อมโยงแบบต่อเนื่อง (chaining) เป็นการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนองที่ต่อเนื่องกันตามลำดับ เป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำ การเคลื่อนไหว                          
การเชื่อมโยงทางภาษา (verbal association) เป็นการเรียนรู้ลักษณะคล้ายกับการเรียนรู้การเชื่อมโยงแบบต่อเนื่อง แต่เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษา                                                                                                  
การเรียนรู้ความแตกต่าง (discrimination learning) เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถมองเห็นความแตกต่างของสิ่งต่างๆโดยเฉพาะความแตกต่างตามลักษณะของวัตถุ                                                                                           
การเรียนรู้ความคิดรวบยอด (concept learning) เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถจัดกลุ่มสิ่งเร้าที่มีความเหมือนกันหรือแตกต่างกัน                                                                                                                                            
 7 การเรียนรู้กฎ (rule learning) เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการรวมหรือเชื่อมโยงความคิดรวบยอดตั้งแต่สองอย่างขึ้นไปและตั้งเป็นกฎเกณฑ์ขึ้น                                                                                                                               
การเรียนรู้การแก้ปัญหา (problem solving) เป็นการเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาโดยการนำกฎเกณฑ์ต่างๆมาใช้ การเรียนรู้นี้เป็นกระบวนการที่เกิดภายในตัวผู้เรียน

http://www.wijai48.com/learning_stye/learningprocess.htm ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสานของกานเยว่า ความรู้มีหลายประเภท  บางประเภทสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้ความคิดที่ลึกซึ้ง  บางประเภทมีความซับซ้อนมาก  จำเป็นต้องใช้ความสามารถในขั้นสูง  หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้  คือ  การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีทั้งหมด 9  ขั้น  ดังนี้
     ขั้นที่  1  สร้างความสนใจ(Gaining attention)
     ขั้นที่  2  แจ้งจุดประสงค์(Informing the learning)
     ขั้นที่  3  กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงความรู้เดิมที่จำเป็น (Stimulating recall of prerequisitelearned capabilitie)
     ขั้นที่  4  เสนอบทเรียนใหม่(Presenting the stimulus)
     ขั้นที่  5  ให้แนวทางการเรียนรู้(Providing learning guidance)
     ขั้นที่  6  ให้ลงมือปฏิบัติ(Eliciting the performance)
     ขั้นที่  7  ให้ข้อมูลป้อนกลับ(Feedback)
     ขั้นที่  8  ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์(Assessing the performance)
     ขั้นที่  9  ส่งเสริมความแม่นยำและการถ่ายโอนการเรียนรู้(Enhancing retention and transfer)
                         บริหารการศึกษา กลุ่มดอนทอง52 (http://dontong52.blogspot.com/ ) กล่าวว่า ทฤษฎีการเรียนรู้ของกานเย (Gagne
1) ประเภทการเรียนรู้เป็นลำดับขั้นตอน ง่ายไปหายาก 8 ประเภท
           
 - การเรียนรู้สัญญาณ
           
 - การเรียนรู้สิ่งเร้า การตอบสนอง
           
 - การเรียนรู้การเชื่อมโยงแบบต่อเนื่อง
           
 - การเชื่อมโยงทางภาษา
           
 - การเรียนรู้ความแตกต่าง
           
 - การเรียนรู้ความคิดรวบยอม
           
 - การเรียนรู้กฎ
           
 - การเรียนรู้การแก้ปัญหา
2) กานเยได้แบ่งสมรรถภาพการเรียนรู้ไว้ 5 ประการ
           
 - สมรรถภาพในการเรียนรู้ข้อเท็จจริง    
           
 - ทักษะเชาว์ปัญญา
           
 - ยุทธศาสตร์ในการคิด
           
 - ทักษะการเคลื่อนไหว      
           
 -  เจตคติ
            
สรุป  
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ ใช้ความคิดที่ลึกซึ้ง บางประเภทมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ ความสามารถในขั้นสูง การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีการจัดการเรียนการสอนเพื่อเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ระดับสูง

เอกสารอ้างอิง
ทิศนา แขมมณี.2550. การสอนจิตวิทยาการเรียนรู้ เรื่องศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการ
เรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพพิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
http://www.wijai48.com/learning_stye/learningprocess.htm. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555.
http://dontong52.blogspot.com/ . เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น